สำหรับปี 2562 นับเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่ง เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก อาทิ สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนต่อเนื่องจากปีก่อน, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ทั้งด้านภาคการส่งออก, ภาคการท่องเที่ยว, การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่า ตลอดจนหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.4 ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 อย่างไรก็ตามธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในปีที่ผ่านมายังคงเติบโตดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ในระดับที่น่าพอใจอีกปีหนึ่ง
สำหรับผลประกอบการปีบัญชี 2562 นี้ บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 23,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน ยอดการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และพอร์ทสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องถึงร้อยละ 9 จากปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,975 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 13 จากปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 15.90 บาท ที่สูงเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากธุรกิจหลักที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและการเติบโตของหนี้สูญได้รับคืน อีกทั้งบริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคิดเป็นร้อยละ 40 ของรายได้รวม และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยที่ลดลงเหลือร้อยละ 2.92 อีกทั้ง บริษัทย่อยทั้งในและต่างประเทศมีการเติบโตอย่างมาก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 20.5 และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 4.4 และในปีนี้บริษัทฯ ยังสามารถคงสถานะเป็นหลักทรัพย์ในกลุ่มดัชนี SET100 อีกด้วย
ท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยในปี 2562 บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจตามนโยบายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและเข้าถึงง่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในชีวิตประจำวัน ดังนี้
• ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ในปี 2562 บริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตร บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และร้านอุปกรณ์กีฬา ฟิตเนส ยิมมวยไทย สนามกอล์ฟ สนามบอลชั้นนำ เปิดตัวบัตรเครดิต วีซ่า โอลิมปิก อิออน มอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพและกีฬา, เปิดตัวสาขารูปแบบใหม่ Flagship Store แห่งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นการยกระดับบริการทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลที่มีความสะดวก, ปลอดภัยและทันสมัยด้วยการให้บริการผ่านเครื่องออกบัตรเครดิตอัตโนมัติ (VTM) ที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตนเอง และได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบสาขาบางแห่งเป็น Kiosk Concept ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลงจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าดังกล่าว ส่งผลให้ ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัทฯ มีจำนวนบัตรรวมเพิ่มขึ้นถึง 9 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน
• พัฒนาประสิทธิภาพส่วนงานภายในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น บริษัทฯ ได้จัดตั้ง Shared Service Center ในเดือนสิงหาคม 2562 สำหรับหน่วยงานการเงินและบัญชีเป็นการรวมบุคลากรและกระบวนการธุรกิจกับบริษัทในเครือ เพื่อลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ อีกทั้งมีการเปลี่ยนระบบติดตามหนี้ใหม่เป็น “Pooling System” โดยนำระบบ AI มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้
• พัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ผ่านการให้บริการ Digital Your Cash บริการสินเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบใหม่โดยไม่ต้องใช้บัตร เป็นวงเงินสินเชื่อที่อยู่ในรูป Virtual Account เบิกถอนเงินสดผ่าน AEON THAI MOBILE Application และสแกน QR Code ที่ตู้เอทีเอ็มของอิออนและธนาคารกสิกรไทย และให้บริการจัดส่งใบแจ้งยอดอิเล็กทรอนิกส์ให้กับลูกค้า (E-Statement) เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบใบแจ้งยอดได้ด้วยตนเองอย่างสะดวก และปลอดภัย อีกทั้งช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษ อีกด้วย
บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุนการขยายธุรกิจลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต ในปีบัญชี 2562 บริษัทย่อยในต่างประเทศมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6 ของบริษัทฯ และมีพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 จากปีก่อน เนื่องจากฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและการขยายผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้ารายได้จากบริษัทย่อยในต่างประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ของรายได้รวมของบริษัทฯ ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยในต่างประเทศในปี 2563
1. ธุรกิจในประเทศกัมพูชามีแผนพัฒนาแอปพลิเคชั่นออนไลน์ให้ครอบคลุมธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อเงินกู้ สินเชื่อผ่อนชำระและมีแผนออกบัตรใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น
2. ธุรกิจในประเทศพม่ามุ่งเน้นการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่โดยการขยายสาขาและร้านคู่ค้า อีกทั้งมีแผนขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจประกัน และสินเชื่อรถยนต์
3. ธุรกิจในประเทศลาวมีแผนเปิดให้บริการธุรกิจประกันวินาศภัย และปรับปรุงคุณภาพการให้บริการโดยจะเปิดให้บริการแอปพลิเคชั่นออนไลน์ ตลอดจนพัฒนาระบบภายในของส่วนงานอนุมัติสินเชื่อ เพื่อลดกระบวนการและเวลาในการอนุมัติให้รวดเร็วมากขึ้น
สำหรับปี 2563 การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอก อาทิ เศรษฐกิจโลกที่ยังคงขยายตัวลดลง, สงครามน้ำมัน, สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ซึ่งได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและประเทศไทยได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 โดยให้ปิดสถานที่ต่างๆชั่วคราว และจำกัดการเดินทาง อย่างไรตามในช่วงต้นเดือนของเมษายนรัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 วงเงิน 1,900,000 ล้านบาท อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินได้ออกมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้กับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจาก โรคระบาดดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯได้การออกมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวตามแนวทางปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำสำหรับสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนการพักชำระเงินต้นสำหรับสินเชื่อทุกประเภท ซึ่งเริ่มมีผลในไตรมาสที่ 1/2563 นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอื่นๆจากภาวะภัยแล้ง และการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินใหม่ IFRS 9, เริ่มกฎหมายหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจการเงินที่รวดเร็ว โดยบริษัทฯ ได้กำหนดแผนงานสำหรับปีบัญชี 2563 ควบคู่ไปกับการบริหารจัดงานต้นทุนอย่างประสิทธิภาพ ดังนี้
• ปรับโมเดลธุรกิจโดยการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริษัทฯ จะเปิดให้บริการ e-Service แบบเต็มรูปแบบ โดยเพิ่มฟังก์ชั่นการสมัครบัตรและยืนยันตัวตน (e-KYC) ผ่าน AEON THAI MOBILE Application และสาขาของบริษัทฯ และเพิ่มช่องทางบริการกดเงินโดยไม่ต้องใช้บัตร(Cardless withdrawal) ไปยังธนาคารพาณิชย์พันธมิตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับพันธมิตรรายเดิมและรายใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่านบัตรและขยายฐานลูกค้าภายใต้ภาวะการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น
• พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการเพื่อให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล บริษัทฯ จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในส่วนงานพิจารณาสินเชื่อ การตลาด และการติดตามหนี้ เพื่อให้การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแม่นยำมากขึ้น และนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบการบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้
• มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จะยังคงดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้ทบทวนนโยบายเรื่องหลักการกำกับดูแลกิจการเป็นประจำทุกปี และบริษัทฯ มีนโยบายป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น, นโยบายห้ามรับของขวัญ ของกำนัล และนโยบายป้องกันการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย โดยได้สื่อสารไปทั้งระดับกรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน มุ่งเน้นส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สุดท้ายนี้ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา และขอให้มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และจะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในปีนี้และปีต่อๆไป
นางสาวสุพรรณี อัศวสุววรณ์ | เลขานุการบริษัท และ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส - ฝ่ายบริหารกลยุทธ์องค์กร |
นางจิตติพร อิโนะอุเอะ | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่ายบริการลูกค้า |
นายวิชชศร สุวรรณนาคินทร์ | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่ายควบคุมและจัดการองค์กร |
นายสมศักดิ์ เหมเปี่ยม | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่าย Auto Finance |
นายมนะวุฒิ มิ่งวานิช | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่ายพัฒนาระบบ |
นายจุนอิจิ อิวะคะมิ | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่ายระบบสารสนเทศ |
นายธวัชชัย พีชะพัฒน์ | รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส – ฝ่ายสารสนเทศ |